ชมดอกไม้ไฟ ทุ่งดอกไม้ ปีนภูเขาไฟฟูจิ เที่ยวงานเทศกาล
ญี่ปุ่นหน้าร้อนมีอะไรให้เที่ยว ร้อนมากมั๊ย ไปแล้วเที่ยวไหนดีเรามีคำตอบ
ชมดอกไม้ไฟ ทุ่งดอกไม้ ปีนภูเขาไฟฟูจิ เที่ยวงานเทศกาล
ญี่ปุ่นหน้าร้อนมีอะไรให้เที่ยว ร้อนมากมั๊ย ไปแล้วเที่ยวไหนดีเรามีคำตอบ
หน้าร้อนของญี่ปุ่นนั้นเป็นช่วงเวลาที่มีสีสันที่สุดในปีเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่มีแสงแดดอันแรงกล้า ท้องฟ้าสีคราม เมฆสีขาวปุกปุย ทุ่งดอกไม้สวยๆ และงานเทศกาลต่างๆ สีสันในฤดูร้อนญี่ปุ่นนั้นจัดจ้านอยู่ไม่เบา แม้ในญี่ปุ่นฤดูนี้จัดว่าเป็นช่วง Low Season แต่นั้นก็หมายถึง ราคาตั๋วเครื่องบินและราคาที่พักที่ถูกกว่าปกติ แบบนี้แล้วยังจะมองข้ามหน้าร้อนของญี่ปุ่นอยู่อีกมั๊ย เอ้า!! สนุกกับหน้าร้อนญี่ปุ่นกันดีกว่า
พูดถึงทุ่งลาเวนเดอร์ต้อง ฟาร์มโทมิตะ ฟาร์มแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองฟุราโนะ แห่งเกาะฮอกไกโด ที่นี่ปลูกดอกลาเวนเดอร์มานานกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว ภายในเต็มไปด้วยดอกลาเวนเดอร์และดอกไม้นานาพันธุ์ ไม่ว่าจะดอกป๊อปปี้ ลิลลี่ ทานตะวัน ซัลเวีย และคอสมอส บานสะพรั่งเต็มเนินเขาจนราวกับว่าถูกปูด้วยพรมดอกไม้ ในสวนอบอวลด้วยกลิ่นหอมของดอดกไม้นานาพันธุ์ทำให้ชื่นใจจนลืมอากาศร้อนไปโดยไม่รู้ตัว ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยวโทมิตะฟาร์มแห่งนี้คือช่วง กลางเดือนกรกฎาคม – ต้นเดือนสิงหาคม
ฟาร์มโทมิตะไม่ได้มีเพียงดอกไม้ ที่นี่ยังมีโรงงานเล็กๆ สาธิตกระบวนการสกัดดอกลาเวนเดอร์มาเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ยังมีคาเฟ่และร้านรวงให้เลือกหลากหลาย หากได้ไปแล้ว ห้ามพลาดชิมไอศครีมซอฟต์ครีมลาเวนเดอร์เลยนะคะ ถ้าไม่ได้ลองคือพลาดมากจริงๆ
เทศกาลสุดโรแมนติกอันมีเรื่องราวของหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าที่จะได้เจอกันแค่ปีละหน เทศกาลทานาบาตะ มีการเฉลิมฉลองทั่วญี่ปุ่นในช่วงวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี คนญี่ปุ่นก็จะออกมาประดับต้นไผ่อย่างสวยงาม เป็นช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยสีสันและกิจกรรมที่พาให้คึกคัก จะได้เห็นผู้คนใส่ชุดยูกาตะออกมาเดินเล่นในเมืองอีกด้วย นอกจากนี้ในช่วงกลางคืนยังมีการประดับโคมไฟกระดาษหลากสีสัน ชวนให้นึกถึงบรรยากาศงานเทศการที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ถ้าพุดถึงสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น อันดับแรกๆที่ต้องนึกถึงก็คือ “ฟูจิ” ภูเขาไฟที่มีชื่อเสียงระดับโลก! เป็นยอดภูเขาไฟที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยความสูงสูงกว่า 3,776 เมตร จึงไม่แปลกที่ใครๆก็อยากจะมาพิชิตยอดฟูจิซังกันทั้งนั้น ทั้งชาวญี่ปุ่นเองและชาวต่างชาติ แต่ภูเขาไฟฟูจินั้น เปิดให้ปีนแค่เฉพาะในฤดูร้อนซึ่งมีระยะเวลา 2 – 3 เดือนเท่านั้น จึงทำให้การปีนภูเขาไปฟูจิกลายเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของหน้าร้อนญี่ปุ่นไปโดยปริยาย
ระหว่างการเดินทางเพื่อนๆพบกับจุดพักชมวิวเป็นระยะทั้งขาขึ้นและขาลง บนยอดเขาก็ยังมีบรรยากาศสุดอลังการรออยู่ ทั้งวิวแบบพาโนรามา ก้อนเมฆสีขาว ทะเลหมอก ปากปล่องภูเขาไฟ และไฮไลต์ของที่นี่เลยเห็นจะหนีไม่พ้นการชมพระอาทิตย์ขึ้นจากยอดภูเขาไฟฟูจินั่นเองค่ะ อ้อ! สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่ลงทะเบียนสมัครก่อนไปปีน จะได้รับประกาศนียบัตรเป็นที่ระลึกถึงการพิชิตภูเขาฟูจิกลับบ้านมาด้วย
สีสันยามค่ำคืนของหน้าร้อนญี่ปุ่นเห็นจะหนีไม่พ้นการชมดอกไม่ไฟ โดยแต่ละเมืองจะจัดการแสดงดอกไม้ไฟตามแต่หน่วยงานท้องถิ่นจะกำหนด ดอกไม้ไฟที่ญี่ปุ่นมีตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ระดับสถิติโลก แถมยังมีมีรูปร่างหลายแบบให้ได้ชม ภายในงานเต็มไปด้วยร้านค้าเรียงราย ทั้งแผงอาหารและเกมส์ท้องถิ่นต่างๆ ซึ่งจะมีเฉพาะในงานเทศกาลหน้าร้อนเท่านั้น เป็นอีกงานที่หนุ่มสาวมักจะนิยมใส่ชุดยูกาตะ ออกมาเดินเล่นระหว่างรอชมดอกไม้ไฟ ให้บรรยากาศระหว่างการชมดอกไม้ไฟนี้มีความเป็นญี่ปุ๊นนน ญี่ปุ่นเลยล่ะค่ะ
คาวาโดโกะ (Kawadoko) เป็นรูปแบบร้านอาหารชนิดหนึ่งในเกียวโต เป็นวิธีการกินแบบพิเศษตามฤดูกาลที่จะช่วยให้เพื่อนๆรู้สึกเย็นขึ้น ตัวร้านจะตั้งอยู่ข้างๆแม่น้ำและมีเฉพาะที่เกียวโตเท่านั้น โดยการทานอาหารแบบคาวาโดโกะนี้ จะมีบริการช่วงหน้าร้อน (พฤษภาคม – กันยายน) แต่สำหรับอาหารมื้อกลางวัน ทางร้านจะเปิดให้บริการเฉพาะเดือนพฤษภาคม และ กันยายน เท่านั้น เพื่อป้องกันอาหารบูดหรือเสีย จากอากาศที่ร้อนในช่วงกลางวันนั่นเอง
สวนคามิยุเบ็ทสึ (Kamiyubetsu Tulip Park) ตั้งอยู่ในเมืองอะบาชิริ เกาะฮอกไกโด ในช่วงหน้าร้อนของทุกปีจะมีเทศกาลดอกทิวลิปบานสะพรั่งให้นักท่องเที่ยได้เข้าชมกัน ทิวลิปกว่า 1,200,000 ต้น จาก 120 สายพันธุ์ ออกดอกชูช่อให้สีสันสดใสจนไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือดอกไม้จริงๆ สวนคามิยุเบ็ทสึมีแลนด์มาร์คเป็นกังหันลมขนาดใหญ่ อยู่ริมทุ่งทิวลิปให้บรรยากาศเหมือนอยู่เนเธอ์แลนด์จริงๆ และบนอาคารกังหันลมนั้นยังสามารถเดินขึ้นชมวิวมุมสูงของสวนได้อีกด้วย
เทศกาลเก่าแก่ที่มีอายุนับพันปีอย่าง เทศกาลกิออน นี้จัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมเป็นเทศกาลที่มีการแห่เกี้ยว โดยไฮไลต์ของงานนี้คือ “รถลากยามาโฮโกะ” เป็นเกี้ยวที่มีการประดับประดาอย่างประณีต ตัวเกี้ยวสูงถึง 25 เมตร หนักราว 12 ตัน การจะลากรถยามาโฮโกะต้องใช้คนราว 40 – 50 คนเลยทีเดียว การเปลี่ยนทิศทางของรถต้องเป็นมุมฉากโดยใช้พละกำลังของคนล้วนๆ เรียกวิธีการนี้ว่า “สึจิมาวาชิ” นอกจากนี้บนรถลากจะมีคนขึ้นไปนั่งราว 50 คน คอยบรรเลงดนตรีที่เรียกกันว่า กิองโบยาชิ ด้วยกลองไทโกะ ขลุ่ยญี่ปุ่น และฆ้องมือสร้างบรรยากาศความเป็นงานเทศกาลให้แก่ผู้เข้าชมได้ดีเลยทีเดียว
คามิโคจิ สวิตเซอร์แลนด์แห่งแดนปลาดิบ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ในจังหวัดนะงะโนะ ที่แวดล้อมด้วยผืนป่าเขียวชอุ่ม มีแม่น้ำอาซุสะใสแจ๋วสีเทอควอยซ์ (Turquoise) ไหลผ่าน เหมาะแก่การไปเที่ยวสำหรับนักผจญภัย มีกิจกรรมมากมายทั้งการปั่นจักรยานเสือภูเขา เดินป่า ปีนเขา พร้อมกับทัศนียภาพของเทือกเขาเจแปนเอลป์ (Japan Alps) ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหลัง
ตามรอย Spirited Away นั่งจิบชาชมวิวที่ร้านน้ำชาชื่อดัง สัมผัสบรรยากาศสุดฟินทิวเขาที่โอบกอดหมู่บ้านแห่งนี้ไว้ มองออกไปได้ไกลสุดตา แถมยังเห็นทะเลได้จากที่นี่ด้วย ชวนเพื่อนๆเดินเที่ยว Jiufen Old Street พร้อมอาหารสตรีทฟูดส์รสเลิศที่พลาดไม่ได้ หากพร้อมกันแล้วรึยัง ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลย!!
ข่าวดีมีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับคนที่อยากไปสัมผัสสายลมเย็นๆ ที่ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมนี้เอง หนังสือพิมพ์โยมิอุริ รายงานว่าตอนนี้รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาที่จะผ่อนคลายมาตรการห้ามเดินทางเข้าประเทศแล้วจ้า โดยจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเพียง 4 ประเทศเท่านั้นเข้าเที่ยวได้ก่อน นั่นคือ เวียดนาม ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และนักท่องเที่ยวจาก ประเทศไทย นั่นเอง
โดยระบุว่า เป็น 4 ประเทศที่สถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้น เนื่องมาจากจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศดังกล่าวมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
ชมพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้ายามเช้า ณ อุทยานแห่งชาติผาแต้ม แวะชมความงามของสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติรังสรรค์ อาทิ สามพันโบก หาดหงส์ แก่งตะนะ แวะสักการะพระพุทธรูปคู่บ้านเมืองวัดทุ่งศรีเมือง ชุ่มฉ่ำกับน้ำตกกลางวัด ณ วัดถ้ำเหวสินธุ์ชัย ชมต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่องอวตาร ณ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว ให้ท่านพักโรงแรมบรรยากาศโรแมนติคริมโขงในคืนแรก และนอนเต็นท์กระโจมชิลๆ ริมเขื่อนในคืนที่สอง
สัมผัสดินแดนอีสานแบบใกล้ชิด นอนเต็นท์ติดริมโขง ตื่นเช้าชมพระอาทิตย์ขึ้น แลวิวประเทศเพื่อนบ้านผ่านสายหมอก สักการะพระพุทธรูปคู่บ้านเมืองอุดร เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ประจำจังหวัด ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกคู่กับอาคารทรงโคโลเนียลสีเหลือง ชมความงามตระการตาของพระวิหารวัดป่าภูก้อน ใกล้ชิดกับทะเลหมอกยิ่งขึ้นกับทางเดินสกายวอล์ค ณ วัดผาตากเสื้อ พลาดไม่ได้กับหินสามวาฬ และปิดท้ายทริปด้วยการไต่สะพานไม้รอบหินผาเจ็ดชั้นขึ้นไปยังยอดภูทอก