เช้ามืด : เดินทางไปยัง อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ชมพระอาทิตย์ขึ้นจากแนวหน้าผากว้าง ด้วยสถานที่ตั้งอยู่เกือบปลายสุดของทิศตะวันออก จึงเป็นสถานที่แรกๆ ในประเทศไทยที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมในการชมแสงแรกของวันโดยเฉพาะในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ (ในช่วงฤดูหนาว สถานที่ที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นที่แรกในประเทศไทย คือ บ้านตาบา อ.ตากใบ จังหวัดนราธิวาส พระอาทิตย์ขึ้นเร็วกว่าที่ผาแต้มประมาณ 1 นาที)
จากนั้น เดินชม ภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่อยู่ด้านล่างของหน้าผา ภาพเขียนสีอายุไม่ต่ำกว่า 3,000 – 4,000 ปี ปรากฎเรียงรายอยู่ติดต่อกันยาวประมาณ 180 เมตร มีไม่ต่ำกว่า 300 ภาพ เป็นภาพของคนทำนา สัตว์ มือ ลายเรขาคณิต และภาพเครื่องมือจับปลาของชาวประมงริมโขง จากนั้น เดินชม เสาเฉลียง เสาหินทรายรูปทรงคล้ายดอกเห็ดบาน กระจายอยู่ตามลานหินในอุทยานแห่งชาติผาแต้ม เป็นประติมากรรมของหินทรายใน 2 ยุค ส่วนที่อยู่ด้านบนจะมีอายุประมาณ 130 ล้านปี และส่วนท่อนล่างของเสาหินจะมีอายุประมาณ 180 ล้านปี เสาหินเหล่านี้เกิดจากน้ำและกรวดที่ลมพัดพามา จากนั้นผ่านกระบวนการกัดเซาะชะล้าง และพังทลายลงจากสภาพอากาศ ฝน และลมพายุ เป็นเวลาหลายล้านปี และเมื่อผ่านไประยะหนึ่ง จะมีกระบวนการต้านธรรมชาติเกิดขึ้น จนแรงกดทับของเม็ดฝน ทำให้หินทรายแข็งแรงมากขึ้น หินที่มีความคงทนต่อการสึกกร่อนได้ดีกว่า จะคงเหลืออยู่ ปรากฏเป็นเสาเฉลียงอยู่ ณ ปัจจุบัน จากนั้นเดินทางกลับที่พัก
เช้า : รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านเดินทางต่อไปยัง วัดถ้ำคูหาสวรรค์ นมัสการ หลวงปู่คำคะนึง จุลมณี พระผู้ก่อตั้งวัด ถึงแม้ว่าท่านจะมรณภาพลงแล้ว แต่ด้วยร่างกายที่ไม่เน่าเปื่อย บรรดาลูกศิษย์จึงได้ทำโลงแก้วประดับเพชรเทียมไว้ให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาได้มีโอกาสสักการะ ท่านเป็นพระภิกษุชาวลาวและเป็นพระอริยสงฆ์ที่ได้รับการกล่าวขานในเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์บารมี ด้วยวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัด การออกธุดงค์ไปจำพรรษาตามที่ต่างๆ เพื่อการหลุดพ้นทางจิต ทำให้ท่านเป็นที่ยอมรับและร่ำลือกันมากทั้งในประเทศไทยและประเทศลาว ท่านเดินทางมาถึงฝั่งไทยและก่อตั้งวัดแห่งนี้ขึ้นในปีพ.ศ. 2521 วัดมีลักษณะเป็นถ้ำชะโงกหิน ซึ่งต่อมาได้รับการปรับปรุงพื้นที่ให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม นอกจากความงดงามตามธรรมชาติของถ้ำที่มีลักษณะเป็นชะโงกหิน วัดยังมีสถาปัตยกรรมอันงดงามอย่าง พระธรรมเจดีย์ศรีไตรภูมิ เจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม ด้วยที่ตั้งของวัดซึ่งอยู่บนที่สูง ท่านสามารถ ชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำโขงสีปูนและแม่น้ำมูลสีคราม ซึ่งไหลมาบรรจบกันบริเวณดอนด่านปากแม่น้ำมูล บ้านเวินบึก อำเภอโขงเจียม โดยมีฉากหลังมองเห็นเป็นแนวภูเขาและบ้านเรือนเรียงรายของฝั่งเพื่อนบ้าน
กลางวัน : อิสระรับประทานอาหารตามอัธยาศัย (ค่าใช้จ่ายไม่รวมอยู่ในแพ็คเกจ)
บ่าย : จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ วัดถ้ำเหวสินธุ์ชัย ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ อดีตเป็นที่จำพรรษาของพระธุดงค์ต่างๆ ก่อนจะประกาศพื้นที่อุทยานฯ ในเวลาต่อมา ภายในวัดจะมีทางเดินไปยังถ้ำเล็กๆ หรือที่เรียกกันว่า ถ้ำเหวสินธุ์ชัย บริเวณโถงถ้ำใต้ชะง่อนผาเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ รูปหล่อพระฤๅษี พระแม่ธรณี และพระพุทธรูปอีกหลายองค์ บริเวณชะง่อนผามีน้ำตกไหลลงมาจากลานหินด้านบน โดยเฉพาะหน้าฝนน้ำจะไหลลงมาเป็นม่านน้ำสวยงาม ที่ลานหินด้านบนท่านสามารถเดินขึ้นไปชมวิวได้อีกด้วย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีวิหารพระแก้วมรกต และพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้แต่ไกลจากสะพานข้ามแม่น้ำมูลให้สักการะกันอีกด้วย
จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ บนพื้นที่กว่า 50,000 ไร่แห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่อำเภอโขงเจียม และอำเภสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ภายในอุทยานมีจุดให้แวะชมหลายแห่ง อาทิ ดอนตะนะ เกาะกลางลำน้ำมูล ซึ่งมีทั้งหาดทรายไว้สำหรับนั่งพักผ่อน และต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่นสองข้างทาง เดินไปต่อพบ สะพานแขวนสำหรับคนเดินข้าม สะพานโครงสร้างเหล็กยึดโยงด้วยลวดสลิงขนาดใหญ่ จุดชมวิวซึ่งมองเห็นสองฟากฝั่งแม่น้ำมูล และบริเวณ แก่งตะนะ แก่งกลางลำน้ำมูลที่ใหญ่ที่สุด เกาะกลางน้ำที่มีลักษณะเป็นโขดหินขนาดมหึมาเกิดจากการกัดเซาะของลำน้ำมูลที่เชี่ยวกราก ซึ่งจะมองเห็นตัวแก่งได้ในช่วงที่ลำน้ำมูลลดแห้งลง (ช่วงที่เหมาะแก่การไปดูแก่งตะนะมากที่สุดจะเป็นเดือนมกราคม – พฤษภาคม)
เย็น : อิสระรับประทานอาหารตามอัธยาศัย (ค่าใช้จ่ายไม่รวมอยู่ในแพ็คเกจ)
ก่อนเข้าที่พัก นำท่านเดินทางไปยัง วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือที่นิยมเรียกกันในอีกชื่อหนึ่งว่า วัดเรืองแสง วัดตั้งอยู่บนเนินเขาสูง จำลองรูปแบบมาจากวัดป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาศ พระอุโบสถมีสีปัดทอง ตั้งเด่นเป็นสง่า จุดเด่นของวัดคือ ภาพเรืองแสงสีเขียวของต้นกัลปพฤกษ์บนผนังด้านหลังพระอุโบสถยามค่ำคืน ฝีมือการออกแบบของช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ ผู้ลงมือติดโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตัวเอง โดยมีแรงบันดาลใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิตในภาพยนตร์เรื่องอวตาร สารเรืองแสงที่ถูกทาลงไปที่ต้นกัลปพฤกษ์ในช่วงกลางวันจะดูดแสงแดดเอาไว้ และช่วงกลางคืนก็คลายพลังงานออกมาในรูปของต้นไม้เรืองแสงที่ท่านได้เห็น ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาชมและถ่ายภาพคือ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. – 19.00 น. ภาพเรืองแสงนี้หากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นเพียงเล็กน้อย จะไม่เห็นเป็นสีเขียวชัดเจนเท่ากับภาพที่ถ่ายด้วยกล้อง นอกจากความงดงามของต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสงด้านหลังของพระอุโบสถยังมีจุดชมวิวลำน้ำโขงซึ่งมองเห็นด่านศุลกากรช่องเม็กอีกด้วย
นำท่านเข้าเช็คอิน ณ ที่พัก คันทรี่ แคมป์ อุบล (หรือเทียบเท่า)
มื้อเย็น รับประทานอาหาร ณ ที่พัก เซ็ทหมูกระทะ